ภาพสอนการแพทย์แผนไทย (ก)
ของ อ. หมอสุชาติ ภูวรัตน์ ปราชญ์ชาวบ้าน
ภูมิปัญญาแพทย์แผนไทย
การผสมพันธุ์ระหว่างเต่าพันธุ์ไทยแท้
กับเต่าพันธุ์เทศ น่าจะล้มเหลว
ถ้าไม่อนุรักษ์เอาไว้ พันธ์ุไทยดั้งเดิมจะสูญพันธุ์
ในปัจจุบันนี้หมอตำแยได้สูญพันธุ์ไปแล้ว
จัดทำโดย อ.หมอสุชาติ ภูวรัตน์
นธ.เอก,
บาลีประโยค 1-2
(อดีตพระธรรมทูตต่างประเทศ)
B.S.
Engineering Design Tech.
B.A.
ศาสนศาสตร์บัณฑิต
B.S.
Computer Information Systems
B.TM.
แพทย์แผนไทยบัณฑิต
สาขาวิทยาศาสตร์สุขภาพ
บ.ภ.,
พท.ว., พท.ผ., พท.น.
ครูแพทย์แผนไทย 4 ด้าน
ศูนย์การแพทย์แผนไทยภูเก็ต
ทำเพื่อการศึกษาและประโยชน์แก่ผู้ชม
จัดทำไว้เป็นอนุสรณ์
การเรียนการสอนแพทย์แผนไทย (ก)
กับเต่าพันธุ์เทศ น่าจะล้มเหลว
ถ้าไม่อนุรักษ์เอาไว้ พันธ์ุไทยดั้งเดิมจะสูญพันธุ์
จัดทำโดย อ.หมอสุชาติ ภูวรัตน์
นธ.เอก,
บาลีประโยค 1-2
(อดีตพระธรรมทูตต่างประเทศ)
B.S.
Engineering Design Tech.
B.A.
ศาสนศาสตร์บัณฑิต
B.S.
Computer Information Systems
B.TM.
แพทย์แผนไทยบัณฑิต
สาขาวิทยาศาสตร์สุขภาพ
บ.ภ.,
พท.ว., พท.ผ., พท.น.
ครูแพทย์แผนไทย 4 ด้าน
ศูนย์การแพทย์แผนไทยภูเก็ต
ทำเพื่อการศึกษาและประโยชน์แก่ผู้ชม
โดย อ. หมอสุชาติ ภูวรัตน์ ปราชญ์ชาวบ้าน
ภูมิปัญญาแพทย์แผนไทย
ภาพการเรียนการสอนโดยครูผู้รับมอบตัวศิษย์ แพทย์แผนไทย (ก) สมัยก่อนสังกัดอยู่กับสำนักงานสถานพยาบาลและการประกอบโรคศิลปะเหล่านี้จะหาชมได้ยากในอนาคตข้างหน้า
เพราะว่าตั้งแต่ก่อตั้งเป็นสภาวิชาชีพการแพทย์แผนไทย
การออกกฎหมายต่างๆ ได้บีบบังคับให้ครูผู้รับมอบตัวศิษย์ที่มีทุนทรัพย์น้อยต้องถอยออกห่าง และปลดระวางตัวเอง ไปตามความต้องการของสภาการแพทย์แผนไทย
คณะกรรมการชุดชั่วคราวได้วางเงื่อนไขเงื่อนเวลาผูกมัดไว้ ว่า ครูผู้รับมอบตัวศิษย์ต้องเป็นเจ้าของสถานพยาบาลไม่น้อยกว่า 1 ปี
ในสถานพยาบาลต้องมีห้องซักประวัติ ห้องตรวจโรค ห้องจ่ายยา ที่พักคนไข้ ห้องสมุด ห้องเรียน ห้องประชุม ห้องทำยาเฉพาะคนไข้ ห้องนวดต้องมีเตียงนวดเท่ากับจำนวนศิษย์ ถ้า 20 คนก็ต้องมี 20 เตียง ขนาดเตียงเบาะ 120 ซม. X 200 ซม. ระยะห่าง 80 ซม. เป็นต้น
และต้องผ่านการรับรองด้วยราคาแพงมากๆ เป็นหลักหมื่น และยังไม่รู้ว่าถูกประเมินกี่ครั้งถึงจะผ่าน ทั้งยังต้องเสียค่ารับรองหลักสูตรอีกครึ่งหมื่น ไม่รู้ว่ากี่ครั้งถึงจะผ่านได้ จะต้องเสียเงินอีกสักเท่าไหร่ จึงจะมีสิทธิ์ รับมอบตัวศิษย์ได้ และศิษย์ ซึ่งเป็นสมาชิกสภาวิชาชีพการแพทย์แผนไทย ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการศึกษากันคนละเท่าไหร่ ?
สรุปแล้วค่าใช้จ่ายในการสร้างสถาบันสถานพยาบาล ครูผู้รับมอบตัวศิษย์จะต้องลงทุนกันคนละเท่าไหร่ จึงจะรับมอบตัวศิษย์ได้ ?
และนักเรียนผู้สนใจศึกษาแพทย์แผนไทย (ก) จะต้องลงทุนกันคนละเท่าไหร่ จึงจะสำเร็จได้รับใบประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทย เพื่อออกไปประกอบอาชีพบริการประชาชนด้านสุขภาพให้เกิดประโยชน์แก่ประเทศชาติต่อไป
ถามจริงๆ ว่าหมอแผนไทย (ก) รักษาคนตายปีละกี่คน หายจากโรคกี่คน แล้วแผนอื่นๆ รักษาคนตายปีละกี่คน หายจากโรคกี่คน
ท่านอาจารย์ที่รับผมเป็นลูกศิษย์ ได้บอกผมว่า ได้เปิดคลินิกมา ตั้งแต่ปี 2500 ถึงปัจจุบัน ยังไม่เคยทำให้คนไข้ตายสักคน มีแต่คนหายจากโรค บรรพบุรุษของท่านก็เป็นหมอแผนโบราณสืบทอดกันมาหลายรุ่น ก็ไม่เคยรักษาให้คนไข้ตายสักคน เพราะฉะนั้นแพทย์แผนไทย (ก) ที่สืบทอดกันมาจึงไม่เป็นพิษเป็นภัยต่อคนไข้แต่อย่างใด
อยากทราบว่าคณะกรรมการชั่วคราว และที่เป็นอยู่ พวกท่านก็เป็นแพทย์แผนไทย (ก) ใช่ไหม หรือไม่ใช่?
ถามจริงๆว่าพวกท่านเคยรักษาคนไข้ตายมาแล้วกี่คน ? หายจากโรคกี่ร้อยกี่พันคน ? หรือยังไม่เคยรักษาคนแต่เป็นเพียงนักวิชาการ
หมอกระดาษเท่านั้น ? จึงได้พยายามออกกฎต่างๆ ออกข้อสอบให้เขาสอบภาคปฏิบัติเวชกรรมไทย ปีที่ผ่านมา ทั้งๆที่ไม่มีความรู้จริงในข้อสอบเหล่านั้น
ตัวอย่าง เช่นไข้ประดงแรด เดินมาหาหมอผู้เข้าสอบด้วยตนเองได้ คนออกข้อสอบไม่มีความรู้จริง เรื่องผู้ป่วยไข้ประดงแรด ทำให้ผู้เข้าสอบได้รับความเสียหายมาก สอบตกเกือบพัน สอบผ่านแค่ 30 คน
ท่านอาจารย์ผมท่านหนึ่ง ว่าคนไข้ประดงแรดเดินมาหาหมอด้วยตัวเองไม่ได้ ต้องมีคนช่วยหามมา เพราะมีอุณหภูมิสูง 40 องศา C
นี่คือข้อผิดพลาดของคณะอนุกรรมการออกข้อสอบ ผู้เสียหายมีสิทธิ์ฟ้องร้องได้ตามกฎหมาย เพราะพวกคุณใช้อัตโนมติ ออกข้อสอบที่ไม่ถูกต้อง รู้ไม่จริง ที่ควรออกพวกคุณไม่ออก เช่น กิจของหมอแผนไทย 4 ประการ เป็นต้น เข้าใจว่าพวกออกข้อสอบไม่รู้ ไม่เข้าใจ
กิจของหมอแผนไทย 4 ประการ จึงเอาวิธีการสอบของแผนอื่น ที่ผู้เข้าสอบไม่ได้เรียนมาให้แผนไทยสอบ ผู้เข้าสอบถูกกลั่นแกล้งโดยไม่เป็นธรรม จึงสอบตกเกือบพันคน ผ่านแค่ 30 คน
การประกาศผลสอบก็ปิดบังหมกเม็ดไม่โปร่งใส ไม่ประกาศรายชื่อผู้สอบได้สอบตกของแต่ละจังหวัด เหมือนกับที่สำนักงานสถานพยาบาลและการประกอบโรคศิลปะได้เคยทำมาทุกปีก่อนเป็นสภาฯ
อีกทั้งค่าลงทะเบียนขึ้นสอบและค่าใบประกอบวิชาชีพก็ปรับขึ้นราคามากกว่าเดิม เชิญติดตามกันเอาเอง ว่าถูกต้องและยุติธรรมหรือไม่ ?
คิดดูอย่างคนโง่ๆ ไร้ปัญญาว่าต้องลงทุนกันคนละเท่าไหร่ ทั้งที่ดินและสิ่งก่อสร้าง ต้องมีพื้นที่ขนาดไหน? กว่าจะผ่านการรับรองสถาบันสถานพยาบาล ค่ารับรองหลักสูตรต่างๆ แล้วครูผู้รับมอบตัวศิษย์จะมีทุนทรัพย์เพียงพอที่จะมารับมอบตัวศิษย์เพื่อถ่ายทอดภูมิปัญญาแพทย์แผนไทย (ก) เพื่อสืบทอดสู่ลูกหลานอย่างที่เคยเป็นตามสิทธิเสรีภาพในวิชาชีพหรือไม่ ?
นับตั้งแต่ก่อตั้งเป็นสภาวิชาชีพการแพทย์แผนไทย ทำให้ครูผู้รับมอบตัวศิษย์ แพทย์แผนไทย (ก) รับมอบตัวศิษย์ได้น้อยลง
ไม่มีการอบรมครูผู้รับมอบตัวศิษย์ แพทย์แผนไทย (ก) ตั้งแต่ปี 2556 และ 2559 ไม่มีการต่อใบอนุญาตครูผู้รับมอบตัวศิษย์ เพิ่งจะเริ่มมีการอบรมครูฯ และออกใบอนุญาตให้ เมื่อปี 2560 แต่ต้องเป็นครูฯ ที่สถาบันผ่านการรับรองจากสภาฯ เท่านั้น
ปี 2561และ 2562 ได้อบรมครูรับมอบตัวศิษย์อีก เสียเงินแล้วเก็บใบครูฯไว้ดูจะรับมอบตัวศิษย์ด้วยตนเองได้เมื่อไรยังไม่รู้ คอยดูกันต่อไป
กฎเกณฑ์การสอบ และการประกาศผลสอบก็ผิดเพี้ยนไปจากแพทย์แผนไทย (ก) ได้ข่าวว่าจะให้สอบเป็น 3 ขั้นตอน คือ
1. ต้องสอบผ่านวิชากฎหมาย จึงมีสิทธิสอบผ่านภาคทฤษฎี
2. ต้องสอบผ่านภาคทฤษฎีแต่ละด้านจึงมีสิทธิ์สอบภาคปฏิบัติ
3. ต้องสอบผ่านภาคปฏิบัติ จึงจะมีสิทธิ์รับใบประกอบวิชาชีพฯ
สรุป เจตนารมณ์ ของการออกกฎหมาย เพื่ออะไร ? สภาวิชาชีพการแพทย์แผนไทย ต้องตอบสมาชิกสภาวิชาชีพการแพทย์แผนไทย โดยเฉพาะครูผู้รับมอบตัวศิษย์ให้ได้ ว่าเป็นการคุมกำเนิด หรือลิดรอนสิทธิเสรีภาพในการศึกษาวิชาชีพการแพทย์แผนไทยเพื่อสืบทอดภูมิปัญญาแพทย์แผนไทย (ก) หรือไม่? ทั้งๆที่แพทย์แผนไหนก็มาเรียนแพทย์แผนไทย (ก) ได้ทั้งนั้น หรือต้องการทำลายแพทย์แผนไทย (ก) ให้ค่อยๆหมดสภาพและสูญพันธุ์ไปจากประเทศไทย ?
ภาพการเรียนการสอนโดยครูผู้รับมอบตัวศิษย์ แพทย์แผนไทย (ก) สมัยก่อนสังกัดอยู่กับสำนักงานสถานพยาบาลและการประกอบโรคศิลปะเหล่านี้จะหาชมได้ยากในอนาคตข้างหน้า
เพราะว่าตั้งแต่ก่อตั้งเป็นสภาวิชาชีพการแพทย์แผนไทย
การออกกฎหมายต่างๆ ได้บีบบังคับให้ครูผู้รับมอบตัวศิษย์ที่มีทุนทรัพย์น้อยต้องถอยออกห่าง และปลดระวางตัวเอง ไปตามความต้องการของสภาการแพทย์แผนไทย
คณะกรรมการชุดชั่วคราวได้วางเงื่อนไขเงื่อนเวลาผูกมัดไว้ ว่า ครูผู้รับมอบตัวศิษย์ต้องเป็นเจ้าของสถานพยาบาลไม่น้อยกว่า 1 ปี
ในสถานพยาบาลต้องมีห้องซักประวัติ ห้องตรวจโรค ห้องจ่ายยา ที่พักคนไข้ ห้องสมุด ห้องเรียน ห้องประชุม ห้องทำยาเฉพาะคนไข้ ห้องนวดต้องมีเตียงนวดเท่ากับจำนวนศิษย์ ถ้า 20 คนก็ต้องมี 20 เตียง ขนาดเตียงเบาะ 120 ซม. X 200 ซม. ระยะห่าง 80 ซม. เป็นต้น
และต้องผ่านการรับรองด้วยราคาแพงมากๆ เป็นหลักหมื่น และยังไม่รู้ว่าถูกประเมินกี่ครั้งถึงจะผ่าน ทั้งยังต้องเสียค่ารับรองหลักสูตรอีกครึ่งหมื่น ไม่รู้ว่ากี่ครั้งถึงจะผ่านได้ จะต้องเสียเงินอีกสักเท่าไหร่ จึงจะมีสิทธิ์ รับมอบตัวศิษย์ได้ และศิษย์ ซึ่งเป็นสมาชิกสภาวิชาชีพการแพทย์แผนไทย ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการศึกษากันคนละเท่าไหร่ ?
สรุปแล้วค่าใช้จ่ายในการสร้างสถาบันสถานพยาบาล ครูผู้รับมอบตัวศิษย์จะต้องลงทุนกันคนละเท่าไหร่ จึงจะรับมอบตัวศิษย์ได้ ?
และนักเรียนผู้สนใจศึกษาแพทย์แผนไทย (ก) จะต้องลงทุนกันคนละเท่าไหร่ จึงจะสำเร็จได้รับใบประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทย เพื่อออกไปประกอบอาชีพบริการประชาชนด้านสุขภาพให้เกิดประโยชน์แก่ประเทศชาติต่อไป
ถามจริงๆ ว่าหมอแผนไทย (ก) รักษาคนตายปีละกี่คน หายจากโรคกี่คน แล้วแผนอื่นๆ รักษาคนตายปีละกี่คน หายจากโรคกี่คน
ท่านอาจารย์ที่รับผมเป็นลูกศิษย์ ได้บอกผมว่า ได้เปิดคลินิกมา ตั้งแต่ปี 2500 ถึงปัจจุบัน ยังไม่เคยทำให้คนไข้ตายสักคน มีแต่คนหายจากโรค บรรพบุรุษของท่านก็เป็นหมอแผนโบราณสืบทอดกันมาหลายรุ่น ก็ไม่เคยรักษาให้คนไข้ตายสักคน เพราะฉะนั้นแพทย์แผนไทย (ก) ที่สืบทอดกันมาจึงไม่เป็นพิษเป็นภัยต่อคนไข้แต่อย่างใด
อยากทราบว่าคณะกรรมการชั่วคราว และที่เป็นอยู่ พวกท่านก็เป็นแพทย์แผนไทย (ก) ใช่ไหม หรือไม่ใช่?
ถามจริงๆว่าพวกท่านเคยรักษาคนไข้ตายมาแล้วกี่คน ? หายจากโรคกี่ร้อยกี่พันคน ? หรือยังไม่เคยรักษาคนแต่เป็นเพียงนักวิชาการ
หมอกระดาษเท่านั้น ? จึงได้พยายามออกกฎต่างๆ ออกข้อสอบให้เขาสอบภาคปฏิบัติเวชกรรมไทย ปีที่ผ่านมา ทั้งๆที่ไม่มีความรู้จริงในข้อสอบเหล่านั้น
ตัวอย่าง เช่นไข้ประดงแรด เดินมาหาหมอผู้เข้าสอบด้วยตนเองได้ คนออกข้อสอบไม่มีความรู้จริง เรื่องผู้ป่วยไข้ประดงแรด ทำให้ผู้เข้าสอบได้รับความเสียหายมาก สอบตกเกือบพัน สอบผ่านแค่ 30 คน
ท่านอาจารย์ผมท่านหนึ่ง ว่าคนไข้ประดงแรดเดินมาหาหมอด้วยตัวเองไม่ได้ ต้องมีคนช่วยหามมา เพราะมีอุณหภูมิสูง 40 องศา C
นี่คือข้อผิดพลาดของคณะอนุกรรมการออกข้อสอบ ผู้เสียหายมีสิทธิ์ฟ้องร้องได้ตามกฎหมาย เพราะพวกคุณใช้อัตโนมติ ออกข้อสอบที่ไม่ถูกต้อง รู้ไม่จริง ที่ควรออกพวกคุณไม่ออก เช่น กิจของหมอแผนไทย 4 ประการ เป็นต้น เข้าใจว่าพวกออกข้อสอบไม่รู้ ไม่เข้าใจ
กิจของหมอแผนไทย 4 ประการ จึงเอาวิธีการสอบของแผนอื่น ที่ผู้เข้าสอบไม่ได้เรียนมาให้แผนไทยสอบ ผู้เข้าสอบถูกกลั่นแกล้งโดยไม่เป็นธรรม จึงสอบตกเกือบพันคน ผ่านแค่ 30 คน
การประกาศผลสอบก็ปิดบังหมกเม็ดไม่โปร่งใส ไม่ประกาศรายชื่อผู้สอบได้สอบตกของแต่ละจังหวัด เหมือนกับที่สำนักงานสถานพยาบาลและการประกอบโรคศิลปะได้เคยทำมาทุกปีก่อนเป็นสภาฯ
อีกทั้งค่าลงทะเบียนขึ้นสอบและค่าใบประกอบวิชาชีพก็ปรับขึ้นราคามากกว่าเดิม เชิญติดตามกันเอาเอง ว่าถูกต้องและยุติธรรมหรือไม่ ?
คิดดูอย่างคนโง่ๆ ไร้ปัญญาว่าต้องลงทุนกันคนละเท่าไหร่ ทั้งที่ดินและสิ่งก่อสร้าง ต้องมีพื้นที่ขนาดไหน? กว่าจะผ่านการรับรองสถาบันสถานพยาบาล ค่ารับรองหลักสูตรต่างๆ แล้วครูผู้รับมอบตัวศิษย์จะมีทุนทรัพย์เพียงพอที่จะมารับมอบตัวศิษย์เพื่อถ่ายทอดภูมิปัญญาแพทย์แผนไทย (ก) เพื่อสืบทอดสู่ลูกหลานอย่างที่เคยเป็นตามสิทธิเสรีภาพในวิชาชีพหรือไม่ ?
นับตั้งแต่ก่อตั้งเป็นสภาวิชาชีพการแพทย์แผนไทย ทำให้ครูผู้รับมอบตัวศิษย์ แพทย์แผนไทย (ก) รับมอบตัวศิษย์ได้น้อยลง
ไม่มีการอบรมครูผู้รับมอบตัวศิษย์ แพทย์แผนไทย (ก) ตั้งแต่ปี 2556 และ 2559 ไม่มีการต่อใบอนุญาตครูผู้รับมอบตัวศิษย์ เพิ่งจะเริ่มมีการอบรมครูฯ และออกใบอนุญาตให้ เมื่อปี 2560 แต่ต้องเป็นครูฯ ที่สถาบันผ่านการรับรองจากสภาฯ เท่านั้น
ปี 2561และ 2562 ได้อบรมครูรับมอบตัวศิษย์อีก เสียเงินแล้วเก็บใบครูฯไว้ดูจะรับมอบตัวศิษย์ด้วยตนเองได้เมื่อไรยังไม่รู้ คอยดูกันต่อไป
กฎเกณฑ์การสอบ และการประกาศผลสอบก็ผิดเพี้ยนไปจากแพทย์แผนไทย (ก) ได้ข่าวว่าจะให้สอบเป็น 3 ขั้นตอน คือ
1. ต้องสอบผ่านวิชากฎหมาย จึงมีสิทธิสอบผ่านภาคทฤษฎี
2. ต้องสอบผ่านภาคทฤษฎีแต่ละด้านจึงมีสิทธิ์สอบภาคปฏิบัติ
3. ต้องสอบผ่านภาคปฏิบัติ จึงจะมีสิทธิ์รับใบประกอบวิชาชีพฯ
สรุป เจตนารมณ์ ของการออกกฎหมาย เพื่ออะไร ? สภาวิชาชีพการแพทย์แผนไทย ต้องตอบสมาชิกสภาวิชาชีพการแพทย์แผนไทย โดยเฉพาะครูผู้รับมอบตัวศิษย์ให้ได้ ว่าเป็นการคุมกำเนิด หรือลิดรอนสิทธิเสรีภาพในการศึกษาวิชาชีพการแพทย์แผนไทยเพื่อสืบทอดภูมิปัญญาแพทย์แผนไทย (ก) หรือไม่? ทั้งๆที่แพทย์แผนไหนก็มาเรียนแพทย์แผนไทย (ก) ได้ทั้งนั้น หรือต้องการทำลายแพทย์แผนไทย (ก) ให้ค่อยๆหมดสภาพและสูญพันธุ์ไปจากประเทศไทย ?
สอนนักเรียนปลูกสมุนไพร
สอนนักเรียนอนุบาลศูนย์พัฒนาเด็กเล็กปลูกสมุนไพร
สอนนักเรียนอนุบาลศูนย์พัฒนาเด็กเล็กปลูกสมุนไพร
สอนนักเรียนอนุบาลศูนย์พัฒนาเด็กเล็กปลูกสมุนไพร
สอนนักเรียนอนุบาลศูนย์พัฒนาเด็กเล็กปลูกสมุนไพร
สอนนักเรียนปลูกสมุนไพรในล้อยาง
สอนนักเรียนปลูกสมุนไพรในล้อยาง
สอนนักเรียนปลูกสมุนไพรในล้อยาง
สอนนักเรียนปลูกสมุนไพร
สอนนักเรียนอนุบาลศูนย์พัฒนาเด็กเล็กปลูกสมุนไพร
สอนนักเรียนอนุบาลศูนย์พัฒนาเด็กเล็กปลูกสมุนไพร
สอนนักเรียนอนุบาลศูนย์พัฒนาเด็กเล็กปลูกสมุนไพร
สอนนักเรียนอนุบาลศูนย์พัฒนาเด็กเล็กปลูกสมุนไพร
สอนนักเรียนปลูกสมุนไพรในล้อยาง
สอนนักเรียนปลูกสมุนไพรในล้อยาง
สอนนักเรียนปลูกสมุนไพรในล้อยาง
No comments:
Post a Comment